วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551
วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2551
อย่าเผลอทำ...ความรักหล่นหายไป
บางคนต้องใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนชีวิต
บางคนแทบจะหมดหวังจนถึงบั้นปลายของชีวิต
และกว่าจะได้ความรักมา
แต่ละคนต้องใช้เวลา ความอดทน
ความพยายาม ลงทุน ลงแรง ทุ่มใจ และกาย
ด้วยเหตุผลที่ คนเราคือ มนุษย์ปุถุชนธรรมดา
ที่ตกอยู่ในห้วงกิเลสตัณหา
อยากได้ อยากมี เพราะทุกคน มีความคิด
ความรู้สึก พฤติกรรม ดี เลว
ล้วนแต่สร้างความพึงพอใจ ไม่พึงพอใจ แตกต่างกันไป
ฉะนั้น จงอย่าวาดหวัง ให้คนรักเป็นดั่งที่ต้องการ
และจงยอมรับว่า นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง
ที่มีเกิด เสื่อมคลาย และดับสูญ
แม้แต่สรีระของเราเอง เสื่อมโทรมไปดามกาลเวลา
ความรักจึงต้องถดถอย
เสื่อมคลายลงไปบ้าง แต่คำว่ารัก
ยังติดตรึง อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเสมอ
อย่าคาดหวังว่า ความรักที่ เขามอบให้เรา
จะพอกพูนทวีตามกาลเวลา
และอย่านำความสวย หล่อ ความรู้ ความสามารถ
และความรู้สึกของตัวเอง
เป็นการเปรียบเทียบ เพื่อให้ได้รับความรัก
จากอีกฝ่ายหลายเท่าทวีคูณ
เพราะความรักที่คุณรัก แบบไม่แบ่งรักให้ใคร
สิ่งใดเลย นอกจากเขาคนเดียว
แต่เขา รักแม่ รักพ่อ รักญาติ รักเพื่อน และสิ่งอื่น ๆ อีก
เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่มีจิตใจสะอาด
มีจิตสำนึกในการให้ความรักตอบแทนผู้อื่น
และเป็นธรรมชาติของคน
ย่อมมีความรักสิ่งอื่น อย่างอื่นด้วย
รักบุพการีเทิดไว้เหนือดวงใจ
รักญาติพี่น้องเพราะมีสายเลือดและความผูกพัน
รักเพื่อน เพราะความใกล้ชิด เคยทุกข์ สุข ร่วมกันมา
รักคนรักอย่างบุรุษพึงรักอิสตรี
และอิสตรีรักบุรุษ ซึ่งแตกต่างไปจากทุกรัก
รักเพื่อร่วมชีวิต รักเพื่อมีเพศสัมพันธ์
รักเพราะต้องการสร้างความมั่นคงเป็นปึกแผ่น
รักที่ต้องการมีผู้สืบสกุล
รักหวังใช้ชีวิตบั้นปลายและดูแลทุกข์สุขกันและกัน
ถ้าเขาแยกแยะ รักเหล่านี้ออกจากกันไม่ได้
คุณจะรู้สึกสูญเสียเขาไปทุกวัน
เพราะจะมีรักอื่น ตามติดมาไม่ขาดสาย
ตราบเท่าที่คุณยังแบ่งรักไม่ถูก
ชีวิตจะตกอยู่ในภาวะกลัดกลุ้ม ขัดเคืองเคืองขุ่น
เมื่อเขา พูดถึงสิ่งอื่น คนอื่นด้วยความรัก
บนความรักเช่นนี้ คุณจะเป็นทุกข์
ทรมานและวิตกกังวลตลอดเวลา
มิใช่คุณคนเดียว เขาก็ตกอยู่ในฐานะเดียวกัน ใหม่ ๆ
อาจจะปลื้มกับรักมากมายมหาศาล
แต่พอนาน ๆ เข้าจะกลายเป็นความอึดอัด
รำคาญ เบื่อหน่าย จะนำไปสู่ความโกรธ
เมื่อไหร่คุณมีความโกรธ ความเกลียดจะยืนอยู่ใกล้ ๆ
และเมื่อเกลียด ก็จะรับความรู้สึกหวงแหนไม่ได้
ความแค้นจะตามมา
คุณจะมีความสุขกับรักเช่นนี้ได้อย่างไร?
รักที่เคยยิ่งใหญ่ จะมลายหายไป ในที่สุด
กลายเป็นอดีตที่อยู่กับความทรงจำอย่างเจ็บปวด
ปัจจุบันมีคนมากมายที่มีความคิดแบบนี้
เพราะต่างหิวโหยความรัก
บ้างก็เป็นโรคขาดรักมาตั้งแต่เกิด
บ้างขาดรักเมื่ออยู่ในวัยเรียน
บ้างไร้รักเมื่ออยู่ในที่ทำงาน บ้างไม่เคยมีคนรัก
ครั้นมาพบคนที่ตัวรัก จึงทุ่มเทความรัก
ความหวังทั้งหมด โดยไม่เหลือเผื่อใคร...
นอกจากเขา เพียงผู้เดียว
ดังนั้นเมื่อมีรัก และได้รัก จงแยกแยะความรัก
โดยมีสติและเหตุผล ก่อนคุณจะได้รักจากเขา
เขามีรักให้คนอื่นก่อนแล้ว
และความรักนั้นเป็นรักตอบแทนที่บริสุทธิ์
บอกและเตือนตัวคุณเสมอ ก่อนจะมีรักและได้รัก
คุณต้องใช้เวลา ฟันฝ่า แหวกวงล้อมความดี
ความชั่วมามากเท่าไหร่
กว่าจะถึงวันนี้ ...
ก่อนจะรักกันลำบากแสนเข็ญ
แต่ตอนเผลอ ทำรักหล่นหาย
ช่างง่ายดายในพริบตา ...
วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2551
|
วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
50 ข้อคิด มุมมองเพื่อความเข้าใจในชีวิต
1. เมื่อเด็กกำลังเติบโตเป็นวัยรุ่น มีความต้องการเป็นตัวของตัวเองสูง ผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจและใจแคบมักจะมองว่าเด็กดื้อ |
คณะนักวิทยาศาสตร์ของศูนย์การเดินทางในอวกาศมาร์แชลล์ ขององค์การอวกาศสหรัฐฯ จะได้ยกคณะไปยังทะเลสาบอันเดอร์ซี ที่ขั้วโลกใต้ ซึ่งรับน้ำที่ละลายจากแม่น้ำน้ำแข็ง เป็นทะเลสาบที่ผิดแปลกจากที่อื่นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุว่าน้ำชั้นบนระดับสูงถึง 70 เมตร ล้วนมีฤทธิ์เป็นด่าง "มันมีความเป็นด่างแรงมาก" ยิ่งกว่านั้นตะกอนในทะเลยังปล่อยก๊าซมีเทนออกมามากยิ่งกว่าสิ่งที่มีชีวิตในน้ำตามธรรมชาติอื่นใดบนโลกนี้
นายริชาร์ด ฮุเวอร์ ผู้เป็นหัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า มันนับเป็นกรณีตัวอย่างของสถานที่แปลกประหลาดในสุริยจักรวาล ซึ่งอาจจะได้พบรูปแบบของชีวิตที่สามารถอยู่ได้ในสภาพดินฟ้าอากาศอันทารุณ
สิ่งหนึ่งซึ่งเราได้รู้ในระยะสองสามปีมานี้ คือได้พบสิ่งมีชีวิตพวกจุลชีพอาศัยอยู่ในน้ำแข็งก็มี ในน้ำเดือดก็มี แม้แต่ในเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู ชีวิตแปลกๆ เหล่านี้อาจจะเป็นชีวิตธรรมชาติที่อยู่ตามดินแดนแห่งต่างๆ ในจักรวาล
เขาบอกว่าเราหวังว่าจะพบรูปแบบชีวิตใหม่ๆ ที่ทนกับอุณหภูมิสูงและทนกับความเป็นด่างมาก เราเคยพบแบคทีเรียในอุโมงค์ที่อลาสกามาแล้ว ที่กลับมีชีวิตขึ้นอีกเมื่อน้ำแข็งที่จับอยู่ละลายออก หลังจากที่ติดอยู่มานาน 32,000 ปี ในขณะที่จุลชีพบนโลกยังทนอยู่ได้ ทำไมบนดาวพระเคราะห์ดวงอื่นจึงจะไม่มีบ้าง
วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
Grenade (fruit)
La grenade (Punica granatum), de la famille des Lythracées est le fruit comestible du grenadier. Elle est probablement originaire d'Iranet réputée avoir des vertus thérapeutiques.
Le grenadier est un arbuste qui aime la chaleur et craint les grands froids. Il s'acclimate bien tout autour du bassin méditerranéen, dans la même zone climatique que l'olivier.
Originellement, le sirop de grenadine était tiré des grenades. Aujourd'hui, la grenade n'entre plus dans la composition du sirop de grenadine industriel qui est un mélange de fruits rouges.
Le nom de grenade, aussi appelée pomme-grenade ("pomegranate" en anglais), vient du latin granatus qui signifie « abondant en grains ».
Dans chaque pépin, la graine est enrobée d'une pulpe gélatineuse de chair rouge transparente, sucrée chez les variétés améliorées, sinon d'un goût plutôt âcre. Seuls les pépins constituent la partie comestible de la grenade soit environ la moitié du fruit.
Avec la maturité, la peau de la grenade s'assombrit, s'amincit et durcit à l'extrême. Son écorce constituant alors une protection efficace pour la pulpe enfermée à l'intérieur de très nombreuses cloisons ténues.
Histoire
Un grenadier
Originaire de la Perse (Iran), elle est cultivée depuis au moins 5000 ans en Asie occidentale et en Afrique du Nord, elle poussait dans les jardins suspendus de Babylone; elle est représentée sur certains bas-reliefs du temple de Karnak (Égypte), sur des mosaïques byzantines à Qasr el-Libia en Libye, un arbre de vie au-dessus de deux pintades et la grenade représentée sur des sculptures assyriennes.. Les anciens Égyptiens préparaient avec elle un vin léger au goût de framboise.
Les Grecs la considéraient comme le symbole de la fertilité, elle était d'ailleurs dédiée à la déesse de l'amour et des plaisirs Aphrodite et à Héra la déesse du mariage légitime qui fut l'épouse de l'infidèle Zeus, c'est elle qui enverra aux enfers Perséphone pour en avoir prélevé un grain de celle que lui présenta Hadès; ce fut aussi l'un des attributs de Dionysos.Elle fut introduite en Europe dans le courant du VIII eme siècle par les Arabes via l'Espagne où elle fut abondamment cultivée en Andalousie dans la province qui portera son nom, ainsi que la ville d'Elvira, qui sera rebaptisée Grenade* au XI siècle par Zawi ibn Ziri, premier roi de la dynastie berbère-ziris (1012-1090).
Une grenade d'Inde
La grenade était appréciée des nomades car, protégée du dessèchement par sa peau épaisse et coriace, les caravanes pouvaient la transporter sur de longues distances, et son jus désaltérant et nourricier était très apprécié. On retrouve sa trace dans des documents anciens.
Hippocrate recommandait le jus de la grenade contre la fièvre et comme fortifiant contre la maladie.
Les Romains connaissaient la grenade grâce aux Phéniciens qui l’apportaient de la Phénicie (Liban) à Rome, d’où son nom scientifique de Punica.
วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551
ชื่อเรื่อง...เหตุผมที่ไม่อยากไปเยี่ยมเพื่อนบ้านคนรวย
(ฉาก : ห้องรับแขกโซฟาหนังแท้เครื่องเรือนเป็นประกายแสบตา)
(ตัวละคร : ป๋ม กับเพื่อนเศรษฐี)
เพื่อน : นายจะดื่มอะไร น้ำผลไม้ โซดา ชา โกโก้ ช็อคโกแลตหรือกาแฟ?
ป๋ม : ขอชาแล้วกัน
เพื่อน : เอาซีลอน หรือชาสมุนไพร หรือเอาบุช ผสมน้ำผึ้งดีมั้ยหรือเอาชาเย็น หรือชาเขียว
ป๋ม : เอาซีลอน
เพื่อน : เอาแบบไหนเหรอ ใส่นมหรือไม่ใส่
ป๋ม : ใส่นมด้วยแล้วกัน เ
พื่อน : เอานมแพะ นมอูฐ หรือนมวัว
ป๋ม : นมวัวดีกว่า
เพื่อน : เอานมจากวัวฟรีซแลนด์หรือวัวแอฟริกาเน่?
ป๋ม : เอ่อ... ไม่ต้องใส่นมก็ได้
เพื่อน : อยากได้หวานแบบไหนล่ะ ใส่น้ำตาลหรือว่าน้ำผึ้ง?
ป๋ม : น้ำตาลดีกว่า
เพื่อน : น้ำตาลบีทหรือน้ำตาลอ้อย?
ป๋ม : น้ำตาลอ้อย
เพื่อน : เอาแบบขาว หรือแดง หรือว่าเหลือง?
ป๋ม : ... นายลืมเรื่องชานี่ซะเถอะ ขอน้ำสักแก้วก็พอว่ะ
เพื่อน : จะเอาน้ำแร่หรือน้ำกลั่น?
ป๋ม : น้ำแร่
เพื่อน : เอาแต่งรสด้วยมั้ย? หรือว่าไม่?
ป๋ม : หิวน้ำจะตายอยู่แล้วโว้ย !!!
เพื่อน : ???? (ก็แค่ถาม)
เพื่อน:แล้วจะใส่แก้วทรงไหนดีล่ะ แก้วใส ขุ่น / ทรงยุโรปทรงไทย หรือ ทรงแขกดี
ป๋ม:เอ่อ...ที่มัน ใส่น้ำแล้วไม่รั่วก็ได้นะจะดีมากถ้ามีน้ำแข็งด้วย
เพื่อน:อ่า เอาน้ำแข็งแบบไหนดี ทุบละเอียดหรือก้อนกลม(ยูนิค)
ป๋ม:กลมๆละกัน
เพื่อน:เอาแบบใหญ่ๆ หรือ เล็กๆดีล่ะ
ป๋ม:เอาว่าใส่น้ำแล้วมันเย็นอ่ะ
เพื่อน:จานรองแก้วล่ะ เอาเป็นไม้ หรือ สแตนเลสดี
ป๋ม:สแตนเลสเนอะ
เพื่อน:กลมๆ หรือ สี่เหลี่ยม
ป๋ม:เดี๋ยวกูไปแดกน้ำที่บ้าน เดี๋ยวมา (อยากจะชกซัก 1ที)
เพื่อน:............ผิดอารายอ่า......